การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล | เครื่องมือสำคัญในยุคดิจิทัล

แบ่งการวิเคราะห์เป็น 3 ด้าน

ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อทำการวางแผนทางการเงิน ผู้วางแผนทางการเงินจะต้องนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ในเบื้องต้น เพื่อทำให้เห็นถึงภาพรวมทางการเงิน รวมทั้งการรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน หลังจากทำการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ผู้วางแผนทางการเงินจะต้องนำข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว มาจัดทำงบทางการเงินทั้งในส่วนของงบดุลส่วนบุคคล และงบกระแสเงินสดส่วนบุคคล เพื่อพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน โดยทำการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินส่วนบุคคล ซึ่งจะแบ่งการวิเคราะห์เป็น 3 ด้านด้วยกัน คือ

1. การวิเคราะห์อัตราส่วนสภาพคล่อง

2. การวิเคราะห์อัตราส่วนหนี้สิน

3. การวิเคราะห์อัตราส่วนการออมและการลงทุน

อย่างไรก็ตามการวางแผนทางการเงินไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องการเงินเท่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี ประกันชีวิต การทำแผนทางการเงิน จึงต้องเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ดังนั้น หน้าที่อีกอย่างหนึ่งของผู้วางแผนทางการเงินก็คือ การประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อให้แผนทางการเงินที่ได้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ตามลักษณะและประเภทของข้อมูลคือ การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละส่วนนั้น มีวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของข้อมูลประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน การจัดการความเสี่ยง และการประกันการลงทุน และการออมเพื่อวัยเกษียณ

ซึ่งวัตถุประสงค์สำคัญของการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบดูว่า มีปัญหาด้านใดในปัจจุบัน และมีโอกาสที่จะประสบกับปัญหาด้านใดในอนาคต โดยแนวทางในการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบดังกล่าว จะใช้วิธีการพิจารณาดูว่า มีแนวคิด มีการรับรู้ และมีมาตรการเตรียมการ เพื่อรองรับกับปัญหาในแต่ละด้านหรือไม่

ผู้วางแผนทางการเงินจะมีบทบาท และหน้าที่ในการชี้ให้เห็นถึงปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และควรมีมาตรการอย่างไร เพื่อรองรับกับปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น ถ้าผลที่ได้รับจากการเก็บรวบรวมข้อมูล ในด้านของการจัดการความเสี่ยง และการประกันพบว่าไม่ได้มีการทำประกันชีวิต หรือประกันวินาศภัยใด ๆ ให้แก่ทั้งตัวเองและผู้อยู่ในอุปการะเลย แสดงว่าไม่มีแนวคิดในเรื่องของการจัดการความเสี่ยงและการประกัน มีโอกาสในอนาคตที่จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก หรือปัญหาทางการเงินได้ ดังนั้น ผู้รับผิดชอบในการวางแผนทางการเงิน จะต้องชี้ให้เห็นถึงปัญหาดังกล่าว จะได้ใช้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ที่อาจนำไปสู่กระบวนการการวางแผนการประกันต่อไป

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งทำให้เห็นภาพรวมของการตระหนัก และการรับรู้ถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน รวมทั้งปัญหาด้านต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้วางแผนทางการเงินควรนำข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว มาจัดทำให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นระบบระเบียบ ง่ายต่อการวิเคราะห์เชิงลึกต่อไป

นอกจากนี้ผู้วางแผนทางการเงิน จะต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินในแต่ละด้าน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อตรวจเช็คสุขภาพทางการเงินว่า มีสถานะและสุขภาพทางการเงินที่ดีและเข้มแข็งพอหรือไม่ หรือมีปัญหาทางการเงินในด้านใด เพื่อที่ผู้วางแผนทางการเงินจะได้หาแนวทางในการแก้ไข และปรับปรุงให้มีสุขภาพทางการเงินที่เข้มแข็งเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะไปสู่การวางแผนทางการเงินในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งเป็นผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว

จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น และการวิเคราะห์ข้อมูลจากอัตราส่วนทางการเงิน ถึงแม้ว่าจะมีบทบาทและหน้าที่ที่ต่างกัน แต่ก็มิได้มีความสำคัญที่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันและกันเลย โดยการวางแผนทางการเงินเบื้องต้นนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ดังนี้ คือ

มีความสามารถในการวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินโดยรวม และความสามารถในการแนะนำแนวทาง ในการแก้ปัญหาสุขภาพทางการเงินได้

มีความสามารถที่จะชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางการเงินในแต่ละด้าน ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนทางการเงินเชิงลึกในแต่ละด้าน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

มีความสามารถในการเสนอแนวทาง ที่จะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินเบื้องต้นได้

การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น

การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลเบื้องต้น มีวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ เพื่อคาดการณ์ถึงปัญหาที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอาจเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุถึงเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งขอบเขตของการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลเบื้องต้น จะครอบคลุมทั้งในส่วนของการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และการวิเคราะห์เชิงปริมาณในเวลาเดียวกัน โดยในการศึกษาการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลเบื้องต้น จะแบ่งการวิเคราะห์ในแต่ละด้านดังนี้ คือ

การวิเคราะห์ความต้องการขั้นพื้นฐาน

ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงของอายุที่เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่เกิด เข้าสู่วัยหนุ่มสาว วัยทำงาน จนล่วงเข้าสู่วัยชรา เป็นไปตามวัฏจักรหรือวงจรชีวิต ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ โดยในแต่ละระยะจะมีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป

1. ระยะสะสม (asset accumulation)

เริ่มต้นในช่วงอายุ 20-25 ปี เป็นช่วงอายุของวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งจบการศึกษา และเริ่มต้นชีวิตของการทำงาน รายรับค่อนข้างจำกัด เงินออมน้อย แนวโน้มเป็นหนี้สูง ลักษณะในช่วงระยะสะสมนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการวางแผนบริหารจัดการรายรับ-รายจ่าย การวางแผนการออม การวางแผนเพื่อการลงทุน และการวางแผนการประกัน

2. ระยะมั่นคง (conservation/protection)

เริ่มต้นในช่วงอายุปลาย 30-40 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุของวัยกลางคน เป็นระยะที่เริ่มมีความมั่งคั่ง และมีทรัพย์สินระดับหนึ่ง รวมถึงมีกระแสนเงินสดสุทธิเป็นบวก ปริมาณทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของหนี้สินต่อทรัพย์สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ลักษณะที่อยู่ในช่วงระยะมั่นคงนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนภาษี และการวางแผนการเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ผู้ที่อยู่ในความดูแล เช่น บุพการี ผู้สมรส และบุตร

3. ระยะการอุทิศ (distribution/gifting)

เป็นระยะที่อยู่ในวัยก่อนเกษียณ จนถึงวัยเกษียณอายุ เริ่มต้นเมื่อมีความมั่นใจในฐานะ และความมั่นคงทางการเงินของตัวเองพอสมควร และสามารถใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการ หรือความปรารถนาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เช่น การใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าราคาแพง หรือเพื่อการพักผ่อน รวมถึงการใช้จ่ายเงินเพื่อมอบให้แก่ลูกหลาน หรือเพื่อการกุศลต่าง ๆ เป็นต้น ผู้ที่อยู่ในระยะนี้โดยส่วนใหญ่ มักให้ความสำคัญกับการวางแผนเพื่อวัยเกษียณ

แนวทางในการวิเคราะห์ความต้องการขั้นพื้นฐาน

แนวทางในการวิเคราะห์ความต้องการขั้นพื้นฐาน สามารถวิเคราะห์ได้โดยใช้ข้อมูลที่ได้ในส่วนของประวัติส่วนตัว และข้อมูลการทำงานมาประกอบการพิจารณา โดยสามารถที่จะวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ ของข้อมูลในแต่ละด้านดังต่อไปนี้

ในส่วนของข้อมูลประวัติส่วนตัว สามารถวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้

อายุ พิจารณาดูว่าอยู่ในช่วงวงจรชีวิตใด ซึ่งจะมีความต้องการด้านพื้นฐานของชีวิตที่แตกต่างกันไป

สถานภาพการสมรส ซึ่งผู้ที่มีสถานะภาพโสดจะมีภาระและความรับผิดชอบโดยเปรียบเทียบแล้วน้อยกว่าผู้ที่มีสถานภาพสมรส และถ้ามีบุตรหรือทายาทก็จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นไปอีก

พฤติกรรมส่วนตัว ในเรื่องของการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา มีแนวโน้มสูงที่จะมีปัญหาด้านสุขภาพในอนาคต ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาทำประกันชีวิต รวมถึงประกันสุขภาพที่อาจจะได้รับการปฏิเสธ หรืออาจมีภาระในการจ่ายเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ

โรคประจำตัว เพื่อพิจารณาดูว่ามีปัญหาในเรื่องของสุขภาพหรือไม่ ซึ่งอาจมีผลกระทบโดยตรงต่อการพิจารณารับทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

งานอดิเรกบางประเภทอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บที่สูงกว่าปกติ เช่น การดำน้ำ การปีนภูเขา และการไต่หน้าผา เป็นต้น งานอดิเรกในประเภทดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการรองรับความเสี่ยงในอนาคตที่ดีพอ เช่น การทำประกันอุบัติเหตุ เป็นต้น

ผู้อยู่ในอุปการะมีจำนวนกี่คน ระยะเวลาที่ต้องดูแลผู้อยู่ในอุปการะดังกล่าวยาวนานเท่าใด และเงื่อนไขทางด้านสุขภาพของผู้อยู่ในอุปการะแต่ละคนเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้พิจารณาถึงมาตรการ ในการรับผิดชอบผู้อยู่ในอุปการะเหล่านั้น

ในส่วนของข้อมูลด้านการทำงาน สามารถวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้

พิจารณาถึงลักษณะของงานว่า มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการหามาตรการ มารองรับความเสี่ยงดังกล่าวและการประกัน

ความมั่นคงของงาน ซึ่งโดยปกติทั่วไปผู้ที่มีตำแหน่งเป็นพนักงานประจำ ความมั่นคงในด้านการงานจะมีมากกว่าผู้ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างชั่วคราว

ความสม่ำเสมอของรายได้ ลักษณะของวิชาชีพบางด้าน เช่น พนักงานขายรายได้อาจจะไม่มั่นคงที่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับยอดขายสินค้าที่ได้ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อกระแสเงินสดรับ และความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน เป็นต้น

อายุที่คาดว่าจะเกษียณ โดยพิจารณาควบคู่ไปกับอายุในปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาถึงแนวคิด และการเตรียมการเพื่อวัยเกษียณ

การวิเคราะห์ด้านการจัดการความเสี่ยงและการทำประกัน

ผู้วางแผนทางการเงินจะต้องวิเคราะห์ว่า มีการจัดการความเสี่ยงหรือมีการป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นดีพอหรือไม่ เช่น มีการทำประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันหนี้สิน ประกันทรัพย์สิน เป็นต้น ทั้งนี้จะต้องทำการวิเคราะห์ความจำเป็นในการซื้อประกัน และมูลค่าของทุนประกันแต่ละอย่างให้เหมาะสม

ทั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

ความเสี่ยงด้านบุคคล (personal risks) ได้แก่

ความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร (risk of premature death)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้นำครอบครัว ที่มีบทบาทและหน้าที่หลักในการหารายได้ให้แก่ครอบครัว

ความเสี่ยงจากการมีชีวิตยืนยาว (risk of old age)

เกิดขึ้นในกรณีที่บุคคลมีชีวิตภายหลังจากการเกษียณอายุที่ยาวนานกว่าปกติ ทำให้ทรัพย์สินเงินทองที่เตรียมไว้ อาจจะน้อยเกินไปหรือไม่เพียงพอ และมีชีวิตในบั้นปลายที่ขัดสน

ความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพ (risk of poor health)

เช่น มีสุขภาพอ่อนแอไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ซึ่งนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแล้ว ยังอาจจะสูญเสียเวลา และโอกาสในการหารายได้ จากการประกอบวิชาชีพอีกด้วย

ความเสี่ยงจากการไม่มีงานทำ (risk of unemployment)

อันอาจเป็นผลเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจหรือเหตุปัจจัยอื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งส่วนตัว และทำให้ขาดรายได้สำหรับการดำรงชีพ และการดูแลผู้ที่อยู่ในอุปการะ ไม่ว่าจะเป็นบุพการีหรือบุตรหลาน

ความเสี่ยงด้านทรัพย์สิน (property risks)

คือ ความเสี่ยงที่ทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ในความครอบครองอาจได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องทางด้านลบต่อความมั่งคั่ง

ความเสี่ยงด้านภาระผูกพันหรือหนี้สิน (liability risks)

การวิเคราะห์ด้านการลงทุน

ผู้วางแผนทางการเงินจะต้องวิเคราะห์สัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมสามารถกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ผู้วางแผนทางการเงินจะต้องประเมินถึงความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยง และระยะเวลาการลงทุน สภาพคล่อง และผลตอบแทนที่คาดหวัง

วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์เพื่อพิจารณาดูว่า มีการเตรียมการในเรื่องของการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง และพิจารณารายละเอียดด้านการลงทุน เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการลงทุน และการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนว่า เหมาะสมหรือไม่กับเงื่อนไขหรือสถานะ เช่น ถ้าอยู่ในวัยกลางคนหรือวัยใกล้เกษียณ สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้น้อยลง เนื่องจากระยะเวลาในการหารายได้จำกัด หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการลงทุน หรือสูญเสียเงินลงทุน โอกาสที่จะหารายได้มาทดแทนจะค่อนข้างจำกัด

การวิเคราะห์ด้านการออมเพื่อวัยเกษียณ

จากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างของประชากรและสังคม การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีทำให้คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น นับจากอายุ 60 ปีของชายไทยจะอยู่ที่ประมาณ 25 ปี และสำหรับหญิงไทยจะอยู่ที่ประมาณ 29 ปี ประมาณ 30% ของชีวิต ทำให้การออมเพื่อการมีชีวิตที่สุขสบายหลังเกษียณอายุ จึงเป็นเป้าหมายการเงินที่สำคัญเป้าหมายหนึ่ง ที่จะต้องวางแผนเป้าหมายของการวางแผนทางการเงินเพื่อวัยเกษียณก็คือ การทำให้มีทรัพย์สินที่มากพอสำหรับใช้ในวัยเกษียณ วัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาว่า มีการเตรียมพร้อมหรือเตรียมการในระยะยาว โดยเปรียบเทียบกับอายุที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อรองรับการเกษียณอายุในอนาคต

สรุปได้ว่า

การวางแผนทางการเงินนั้น จะต้องเริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงิน ทั้งในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลเบื้องต้น และข้อมูลทางการเงินที่ได้รับจากการจัดทำรายงานในรูปแบบของงบทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นงบดุลส่วนบุคคล หรืองบกระแสเงินสดส่วนบุคคล หลังจากนั้นแล้วผู้วางแผนทางการเงินจะต้องทำการวิเคราะห์สถานะทางการเงิน บนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมาแล้ว การวิเคราะห์สถานะทางการเงินของบุคคลจากอัตราส่วนทางการเงินส่วนบุคคล จะต้องอาศัยข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลต่าง ๆ ซึ่งจะถูกบันทึกและนำเสนอให้เป็นระบบระเบียบ ในลักษณะของงบทางการเงินส่วนบุคคล แล้วนำมาวิเคราะข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำการวางแผนทางการเงินต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *